HomeWindows 11GPT vs MBR ความแตกต่างในระบบพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์

GPT vs MBR ความแตกต่างในระบบพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์

เมื่อพูดถึงระบบพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ในคอมพิวเตอร์ สองรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ GPT (GUID Partition Table) และ MBR (Master Boot Record) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน โดยมีลักษณะและความสามารถที่แตกต่างกัน นี่คือบทความที่สรุปความแตกต่างระหว่าง GPT และ MBR ที่ควรรู้เมื่อพิจารณาใช้งานระบบพาร์ติชันในฮาร์ดดิสก์ของคุณ

GPT (GUID Partition Table):

  • GPT เป็นระบบพาร์ติชันที่ใช้ในการจัดระเบียบและจัดการพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์
  • ใช้ GUID (Globally Unique Identifier) เพื่อระบุตำแหน่งและแยกแยะพาร์ติชันในฮาร์ดดิสก์
  • สามารถรองรับจำนวนพาร์ติชันที่มากกว่า MBR ซึ่งสามารถมีได้มากถึง 128 พาร์ติชัน
  • มีความสามารถในการรองรับขนาดของพาร์ติชันที่ใหญ่กว่า MBR และสามารถรองรับไดรฟ์ขนาดใหญ่มากขึ้น

MBR (Master Boot Record):

  • MBR เป็นระบบพาร์ติชันที่ใช้ในการจัดระเบียบและจัดการพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ในรุ่นเก่าของระบบปฏิบัติการ Windows
  • ใช้ตารางพาร์ติชันเพื่อระบุตำแหน่งและขนาดของพาร์ติชันในฮาร์ดดิสก์
  • มีข้อจำกัดในจำนวนพาร์ติชันที่สามารถรองรับได้เพียง 4 พาร์ติชันเท่านั้น
  • มีข้อจำกัดในขนาดของพาร์ติชันที่สามารถรองรับได้ โดยพาร์ติชันแรกต้องอยู่ในช่วง 2TB

ในสรุป GPT และ MBR เป็นระบบพาร์ติชันที่มีความแตกต่างกันในด้านความสามารถในการจัดการพาร์ติชันและขนาดของพาร์ติชัน การเลือกระบบพาร์ติชันที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความต้องการและระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน หากคุณต้องการรองรับจำนวนและขนาดพาร์ติชันที่มากกว่า และรองรับไดรฟ์ขนาดใหญ่มากขึ้น แนะนำให้ใช้ GPT ในขณะที่ MBR เหมาะสมสำหรับพาร์ติชันที่มีจำนวนน้อยและขนาดเล็กกว่า

สำหรับใครที่ใช้ Windows 11 , Windows 10 ก็แนะนำให้ใช้ GPT ทั้งหมดนะครับ

ระบบพาร์ติชัน GPT (GUID Partition Table) มีข้อดีต่อเทคโนโลยีฮาร์ดดิสก์เมื่อเปรียบเทียบกับระบบพาร์ติชัน MBR (Master Boot Record) ดังนี้:

  1. ความสามารถในการรองรับพาร์ติชันมากขึ้น: GPT สามารถรองรับพาร์ติชันได้มากถึง 128 พาร์ติชัน ในขณะที่ MBR สามารถรองรับเพียง 4 พาร์ติชันเท่านั้น การมีพาร์ติชันมากขึ้นช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดระเบียบและจัดการพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ได้อย่างยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น สร้างพาร์ติชันเพิ่มเพื่อทำงานหลายระบบปฏิบัติการหรือจัดเก็บข้อมูลแยกต่างหากได้
  2. ขนาดพาร์ติชันที่ใหญ่กว่า: GPT สามารถรองรับขนาดพาร์ติชันที่ใหญ่กว่า MBR โดยเฉพาะในระบบไฟล์ที่มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เช่น การใช้ระบบไฟล์ NTFS บนพาร์ติชันขนาดใหญ่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้นโดยไม่ต้องแบ่งพาร์ติชันออกเป็นหลายส่วน
  3. ความเสถียรภาพ: GPT มีโครงสร้างที่แข็งแรงและเสถียรภาพมากกว่า MBR ซึ่งช่วยลดความเป็นไปได้ของข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นบนฮาร์ดดิสก์ เช่น การเสียหายหรือสูญเสียข้อมูล
  4. การกู้คืนข้อมูลที่ดีกว่า: เมื่อเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับพาร์ติชันหรือตารางพาร์ติชัน GPT มีระบบสำรองข้อมูลที่แข็งแรงกว่า MBR ซึ่งช่วยให้การกู้คืนข้อมูลมีความสำเร็จมากกว่าในกรณีของ MBR
  5. รองรับ UEFI (Unified Extensible Firmware Interface): GPT เป็นระบบพาร์ติชันที่เหมาะสำหรับใช้กับ UEFI ซึ่งเป็นหน่วยความจำแบบอุปกรณ์ซึ่งจะแทนที่ BIOS และมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่มากกว่า การใช้ GPT จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับระบบที่ใช้ UEFI
Contributor
Contributor
ทำงานด้านไอที(IT) มากกว่า 10 ปีทางด้าน Server และ Application ฝั่ง Microsoft โดยผมได้ทำเว็บไซต์ขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์ต่างๆที่ผมเคยเจอให้กับผู้อ่านทั่วไป และการแก้ปัญหาต่างๆให้กับผู้ที่สนใจเรื่อง Windows และสอนทิปต่างๆให้เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หวังว่าบทความของผมจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ และอย่าลืม Like & Share บทความที่มีประโยชน์เผื่อคนอื่นจะได้มีความรู้เพิ่มเหมือนคุณ : อยากเห็นคนไทยเก่งไอที
RELATED ARTICLES

Most Popular

- Advertisment -